วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

Context Clues การเดาความหมายจากบริบท


context = ปริบทหรือบริบท , clue = ตัวชี้แนะ
อุปสรรคที่มักพบบ่อยๆ ในการอ่านภาษาอังกฤษก็คือ การไม่รู้ความหมายของคำศัพท์ ทำให้ไม่สามารถเข้าใจข้อความที่อ่าน ไม่สามารถตีความโจทย์ข้อสอบได้ อ่านไม่เข้าใจ ทำข้อสอบได้ไม่ดี วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ก็คือ ต้องรู้ความหมายศัพท์และสามารถนำไปใช้ได้ แต่การรู้ความหมายศัพท์โดยไม่ต้องเปิดพจนานุกรม (Dictionary) นั้น ทำได้อย่างไร คำตอบก็คือ นักเรียนมีความจำเป็นที่จะต้องเดาความหมายนั้นจากบริบท (Context) ซึ่งหมายถึง ข้อความ หรือศัพท์หลายๆ คำซึ่งแวดล้อมคำศัพท์ตัวที่เราไม่รู้ความหมาย แล้วทำให้เดาความหมายของศัพท์ที่ไม่รู้ได้ บริบทเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเข้าใจคำศัพท์ เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะ ความหมายของคำ คำใดคำหนึ่งนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับคำอื่นๆ ซึ่งอยู่ข้างเคียงด้วย เช่น คำว่า "about" We know about that. (about = concerning) แต่ถ้า It is about six o'clock. (about = close to) เป็นต้น
          Definition type
เป็นชนิดของสิ่งแนะที่ชี้แสดงความหมายหรือนิยามคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งผู้อ่านสามารถสังเกตการนิยามความหมายของคำศัพท์ได้โดยการดูที่ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ (clues signal words) ที่ปรากฏอยู่ในข้อความนั้นๆ ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ ได้แก่
verb "to be"
be called
mean(s/ed)
called
consist of
may be seen as
refer to
can be defined as
may be described as
can be taught of
what this means is

คำชี้แนะหรือคำสัญญาณดังกล่าวมาข้างต้นนี้ มีความหมายในทำนองเดียวกัน นั่นคือ แปลว่า "คือ , หมายถึง , หมายความว่า, เรียกว่า"
ตัวอย่าง
- A premise is a statement of the relationship between a cause and a consequence.
อธิบาย premise เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
is เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณ
a statement of the relationship เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า premise
ดังนั้น premise ก็คือ ข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์
- People who study the stars are called astronomers.
อธิบาย astronomers เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
are called เป็นคำชี้แนะหรือคำสัญญาณ
people who study the stars เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า astronomers
ดังนั้น astronomers ก็คือ คนที่ศึกษาเรื่องดวงดาว หรือนักดาราศาสตร์ นั่นเอง
- A committee may be defined as any group interacting in regard to a common purpose.
อธิบาย committee เป็นคำที่ไม่คุ้นเคย
may be defined as เป็นคำสัญญาณ หรือตัวชี้แนะ
any group interacting in reagard to common purpose เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า committee ดังนั้น committee ก็คือ กลุ่ม หรือคณะบุคคลที่กระทำการใดๆ โดยมีจุดประสงค์ร่วมกัน
ลองทำแบบฝึกหัด
Exercise : Find the signal word(s) that signal a clue to the meaning of each bold word or phrase. Write the signal word(s) and complete the meaning of the bold word or phrase in each sentence.
1. A pattern of stars visible to the naked eye in a small area of sky is called a constellation.
Signal words : ...........is called..................................
A constellation is a ….pattern of stars visible to the naked eye in a small area of sky.....
2. The art of making women's hats is called millinery.
Signal words : ............is called...................................
Millinery is the ..........the art of women’s hats..................................
3. The voter's franchise is his right to vote.
Signal words : ............is....................................
Franchise means ..........his right to vote........................................................
    Restatement type เป็นชนิดของตัวิชี้แนะที่ผู้เขียนบอกความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยด้วยการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายขึ้น พูดให้ง่ายขึ้น
การสังเกต restatement หรือการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย สามารถดูได้จากตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ (clues / signal words) และเครื่องหมายวรรคตอน (punctuation) ดังนี้
ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ ได้แก่
or( หรือ ), that is(นั่นคือ), that is to say / i.e. (นั่นคือ), in other word(กล่าวอีกนัยนึงคือ), to put in another way (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ)
หมายเหตุ --- i.e. เป็นภาษาละติน มาจาก id est แปลว่า that is to say
เครื่องหมายวรรคตอน
, ............................. เครื่องหมาย comma
,.............................., เครื่องหมาย commas
- เครื่องหมาย dash
- .............................. - เครื่องหมาย dashes
(.............................) เครื่องหมายวงเล็บหรือ parentheses
ตัวอย่าง
- You can take an escalator , or a moving staircases, to go down to the platform.
อธิบาย escalator เป็นศัพท์ไม่คุ้นเคย
or เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณ
a moving staircases เป็นความหมายของคำว่า escalator
ดังนั้น escalator ก็คือ บันใดเลื่อน
- These two circles are concentric. In other words, they have the same center.
อธิบาย concentric เป็นศัพท์ไม่คุ้นเคย
in other words เป็นคำสัญญาณ หรือตัวชี้แนะ
having the same center เป็นความหมายของคำว่า concentric
ดังนั้น concentric ก็คือ จุดศูนย์กลางร่วม
- I spotted a horde - or mass - of birds flying south across the inlet.
อธิบาย horde เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
- ................- เป็นเครื่องหมายวรรคตอนชี้แสดงความหมายของศัพท์ไม่คุ้นเคย
mass เป็นความหมายของคำว่า horde
ดังนั้น horde ก็คือ จำนวนมหาศาล
- The club members' warmth and friendliness created a comforting ambience (atmosphere) which I accepted eagerly.
อธิบาย ambience เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
(..................) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนชี้แสดงความหมายศัพท์ไว้ในวงเล็บ
atmosphere เป็นความหมายของคำว่า ambience
ดังนั้น ambience ก็คือ บรรยากาศ
ลองดูแบบฝึกหัดนี้
1. The ocean's salinity , or salt content , varies from place to place.
Signal words : ..... or.....................
Salinity means ......salt content.................
2. There was a dangerous crack in the gantry ; that is, in the framework on which the crane is carried.
Signal words : ..............that is...........
The gantry is a ..............in the framework on which the crane.......
3. Most specially minted gold coins have an intrinsic , or basic , value far exceeding their face value.
Signal words : ...or.................
Intrinsic means means ......basic......
    Example type เป็นชนิดของสิ่งชี้แนะที่ผู้เขียนชี้แนะความหมายของคำศัพท์ไม่คุ้นเคยด้วยการให้หรือยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบความหมาย ของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น โดยปกติก่อนจะยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบเพื่อชี้แสดงความหมายของศัพท์ไม่คุ้นเคย ผู้เขียนมักจะให้คำชี้แนะหรือคำสัญญาณ หรืออาจเป็นเครื่องหมายวรรคตอน ได้แก่
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ
for example / e.g.
for instance
such as = ตัวอย่างเช่น , ยกตัวอย่าง
such ............as
like
หมายเหตุ : e.g. เป็นภาษาละติน คือ exampli gratia แปลว่า for example
เครื่องหมายวรรคตอน
, เครื่องหมาย comma
: เครื่องหมาย colon
- เครื่องหมาย dash
ตัวอย่าง
- Do you participate in one of the more popular avocation, such as jogging, tennis, or stamp collecting?
อธิบาย avocation เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
such as เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณ
jogging , tennis , stamp collecting เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมา
ดังนั้น avocation ก็คือ งานอดิเรก (hobbies) ทั้งนี้เพราะ jogging (การวิ่งเหยาะๆ) tennis และ stamp collecting เป็นงานอดิเรกทั้งสิ้น
- When you arrange the condiment shelf , put the salt and pepper next to the paprika.
อธิบาย condiment เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
, (comma) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ชี้แสดงตัวอย่างที่จะยกถัดมา
salt and pepper เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมามาแสดง
ดังนั้น condiment ก็คือ เครื่องปรุงรส ทั้งนี้เพราะ salt (เกลือ), pepper (พริกไทย เป็นเครื่องปรุงรสอาหาร
    Comparison or Contrast type
เป็นชนิดของสิ่งแนะที่ผู้เขียนชี้แนะความหมายด้วยการเปรียบเทียบ (Comparison) หรือการแย้งความ (Contrast)
โดยปกติ ผู้เขียนมักจะให้ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณแสดงการเปรียบเทียบ หรือแสดงการขัดแย้งในทางตรงกันข้ามกันมาภายในข้อความนั้นๆ
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการเปรียบเทียบ
as / as.................as เหมือนกับ
like / alike เหมือนกับ
similar to เหมือนกับ ,คล้ายกับ
resemble (v) เหมือนกับ
similarily (adv) ในทำนองเดียวกัน
likewise (adv) ในทำนองเดียวกัน
correspondingly (adv) ในทำนองเดียวกัน
in the same way (adv) ในทำนองเดียวกัน
in like manner (adv) ในทำนองเดียวกัน
comparing เปรียบเทียบกับ
compare with เปรียบเทียบกับ
as if / as though ราวกับว่า
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการขัดแย้ง
but / yet แต่
however / nevertherless แต่อย่างไรก็ตาม
though / although/ even though แม้ว่า
while / whereas ในขณะที่ (แสดงการแย้งกัน)
on the other hand ในทางตรงกันข้าม
on the contrary ในทางตรงกันข้าม
in contrast ในทางตรงข้าม
conversely ในทางกลับกัน
in spite of / despite แม้ว่า
ตัวอย่าง
- I urges married men to live virtuous lives, and bachelors to get married to good wives.
อธิบาย bachelor ตรงข้ามกับ married men
ดังนั้น bachelors = ummarried me (ชายโสด)
- Tim was voluble while his brother , Tom, was quiet.
อธิบาย voluble ตรงข้ามกับ quiet
ดังนั้น voluble = not quiet / talkative (พูดมาก)
- An elephant is immense, comparing to a mouse.
อธิบาย mouse (หนู) เป็นสัตว์ขนาดเล็ก (small) แต่ elephant (ช้าง) ตัวใหญ่
ดังนั้น immense ตรงข้ามกับ small
นั่นคือ immense = not small / big

Punctuation เครื่องหมายวรรคตอน

Period ( . )
1.ใช้เมื่อจบประโยคในประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำสั่ง
I saw the boy.
Let's go to the shop.
Give me the pen please.

2.ใช้หลังอักษรย่อต่างๆหรือคำย่อ
Dr.=Doctor, adv.=adverb U.S.A.=United States of America
Comma ( , )
1.ใช้คั่นเพื่อแยกคำนามซ้อน
Thailand, a country in Asia, is famous for its beautiful temples.
2. ใช้แยกระหว่างคำที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันเช่น
I want a car, a motorcycle, and a bicycle.
3.ใช้แยกคำคุณศัพท์ที่บอกสี
a blue, yellow bicycle
4.ใช้แยกคำคุณศัพท์ที่ตามหลังคำนาม
The modal is dark, tall and handsome.
5. คั่นข้างหน้าหรือข้างหลังชื่อ เช่น
Christina, where have you been?
What would you like to eat, Pranee?
6. คั่นประโยคที่ตามหลัง Yes, No และ Well ที่ขึ้นต้นประโยค
Are you Thai? Yes, I am.
Well, I'm not sure if I can do that.
7.   ใช้เพื่อแยกข้อความในประโยคคำพูดเช่น
He said, "They are happy."
8.   คั่นระหว่างปีที่ตามหลังเดือน, ถนนกับเมือง,เมืองกับประเทศเช่น
Today is May 4th, 2000.
Dang lives at 56 Sukumvit Road, Bangkok.
Semi-colon ( ; )
1. ใช้คั่นประโยคที่มีเครืองหมาย comma คั่นอยู่แล้วเช่น
Hello, Nittaya; Please come here.
2. ใช้ทำหน้าเพื่อเชื่อมประโยคสองประโยคที่มีเนื้อหาเกี่ยวพันกันวางไว้หน้า adverbได้แก่คำว่า
therefore(ดังนั้น) besides(นอกจากนี้) เป็นต้น
Canada is very cold; therefore people must wear heavy coats in the winter.
Colon ( : )1.ใช้ colon ก่อนการประโยคอธิบาย
He decided to buy a car:he had to travel to the remote area.
2.ใช้แจ้งรายการ ซึ่งนิยมใช้หลังคำเหล่านี้ the following หรือ as follows เป็นต้น เช่น
We require the following for our camping trip: tent, bags, and boots.
Question Mark ( ? )
ใช้กับประโยคคำถามเช่น
Is that food hot?
What is your nationality?
Do you like durian?
How tall are you?
Exclamation Mark ( ! )
ใช้หลังคำอุทานหรือประโยคอุทาน เช่น
Oh! you are so beautiful.
Watch out!
Go away!
Apostrophe ( ' )
1. ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามทั้งนามเอกพจน์และนามพหูพจน์ เช่น
The doctor's car
The men's club
Somkiet's dog
2.ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามพหูพจน์ที่เติม s หรือชื่อเฉพาะที่มี s เช่น
The girls' books
Charles' school
2. ใช้คำย่อหรือรูปย่อ
can't (cannnot)
it's (it is)
I'd rather (I woud rather)
Quotation Marks ( " " )
ใช้เขียนคร่อมข้อความที่เป็นประโยคคำพูดเช่น
He said, "I am going home."
"I can help you move," Narong volunteered.
Hypen ( - )
ใช้เพื่อเชื่อมคำสองคำให้เป็นคำเดียวกันเช่น
ex-husband
anti-American
two-day holiday
Dash ( - )ใช้เพื่อเน้นข้อความที่แทรกเข้ามาเพื่ออธิบายหรือใช้คั่นคำละไว้ในฐานที่เข้าใจหรือเปลี่ยนใหม่ เช่น
I got lost, forgot my bag, and missed my plane-- it was a terrible trip.
If I had a lot of money, I would ---Oh, what am I thinking? I will never be rich.

การแนะนำตนเอง (Introducing Oneself)


การแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ  ไม่ยากเย็น  ให้เริ่มโดยการทักทายก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยบอกว่าเราชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน และแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก แค่นี้ก็พอครับ
ซึ่งการแนะนำตนเองก็มีแบบง่ายๆเป็นกันเอง และการแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้าเราเป็นนักเรียนก็แนะนำแบบเป็นกันเองก็ได้
ส่วนการแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการนั้น สำหรับนักธุรกิจและผู้นำระดับบิ๊กๆ แล้วกัน จำไว้ว่าควรประกอบด้วยสี่ส่วนคือ ทักทาย บอกชื่อ บอกข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย กล่าวแสดงความรู้สึกดีที่ได้เจอกัน
สำนวนที่ใช้เหมาะกับหลายสถานการณ์เช่น
  • การแนะนําตัวเป็นภาษาอังกฤษหน้าชั้นเรียน
  • การแนะนําตัวเป็นภาษาอังกฤษในการสัมภาษณ์งาน
  • การแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษในการเข้าทำงานในสถานที่ใหม่ โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมงานจากหลายประเทศ
การแนะนำตนเองแบบเป็นกันเอง
Hello. (ทักทาย)
เฮ็ลโล๊ (สวัสดี)
My name’s Tongdee. (บอกชื่อ)
มาย เนมส ทองดี (ผมชื่อทองดี)
I’m from Thailand. (ข้อมูลเพิ่มเติม)
ไอม ฟรอม ไท๊แลนด (ผมมาจากประเทศไทย)
I’m an exchange student. (ข้อมูลเพิ่มเติม)
ไอม เมิน นิกซเช๊นจ สติ๊วเดินท (ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน)
Glad to meet you. (แสดงความยินดีที่ได้เจอกัน)
แกลด ทะ มีท ชู (ดีใจที่ได้เจอกัน)
การแนะนำตนเองแบบเป็นทางการ
Good morning. (ทักทาย)
กุด ม๊อนิง (อรุนสวัสดิ์ครับ)
May I introduce myself? (ขออนุญาต)
เม๊ ยาย ยินทระดิ๊วซ มายเซ๊ลฟ (ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองนะครับ)
My name is Somchai Rakdee. (บอกชื่อ)
มาย เนม มิส สมชาย รักดี (ผมชื่อสมชาย รักดี)
I’m the marketing manager from ABC company. (ข้อมูลเพิ่มเติม)
ไอม เดอะ ม๊าคิททิง แม๊นนิจเจอะ ฟรอม เอบีซี คั๊มพะนี (ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดจากบริษัทเอบีซี)
Nice to meet you. (แสดงความยินดีที่ได้เจอกัน)
ไนซ ทะ มีท ชู (ยินดีที่ได้รู้จัก)
อีกสำนวนหนึ่งของการขออนุญาตแนะนำตัวคือ
Let me introduce myself.
เล็ท มี อินทระดิ๊วซ มายเซ๊ลฟ